การเข้าร่วมแพลตฟอร์มเดลิเวอรีอาหารสามารถช่วยเพิ่มรายได้และขยายฐานลูกค้าให้กับร้านอาหารได้อย่างมาก การสมัครเข้าร่วมแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น GrabFood, ShopeeFood, Wongnai Merchant App, foodpanda, และ Robinhood Partner อาจจะมีขั้นตอนที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ซับซ้อนจนเกินไป เราจะพาคุณไปดูวิธีการสมัครแต่ละแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้ร้านของคุณเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
1. GrabFood
GrabFood เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย การสมัครเข้าร่วม GrabFood สามารถทำได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนดังนี้:
- ขั้นตอนการสมัคร
- ลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ร้านค้าผ่านแอป GrabMerchant ได้ด้วยตนเอง
- กรอกข้อมูลเบื้องต้น เช่น ชื่อร้าน ที่ตั้ง ประเภทร้านอาหาร และข้อมูลการติดต่อ
- อัพโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น สำเนาบัตรประชาชนของผู้สมัครและเอกสารจดทะเบียนธุรกิจ
- รอการติดต่อกลับจากทีมงาน Grab เพื่อยืนยันการสมัคร และการตั้งค่าระบบร้านค้า
- ข้อดีของ GrabFood
- แพลตฟอร์มมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าหลากหลายกลุ่ม
- สามารถเลือกทำโปรโมชั่นและส่วนลดต่าง ๆ ได้ง่าย
คลิกสมัคร https://www.grab.com/th/merchant/food/
2. ShopeeFood
ShopeeFood เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับร้านอาหารที่ต้องการขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ วิธีการสมัครเข้าร่วมกับ ShopeeFood ก็ไม่ยุ่งยาก:
- ขั้นตอนการสมัคร
- สมัครร้านค้า ShopeeFood https://help.shopee.co.th/portal/1/article/115806
- กรอกข้อมูลร้านค้า เช่น ชื่อร้าน ที่อยู่ ประเภทร้าน และข้อมูลการติดต่อ
- อัพโหลดเอกสาร เช่น บัตรประชาชนของเจ้าของร้านและสำเนาทะเบียนพาณิชย์
- รอการตรวจสอบและอนุมัติจาก ShopeeFood ทีมงานจะติดต่อกลับเพื่อแจ้งผลการสมัคร
- ข้อดีของ ShopeeFood
- ระบบของ Shopee มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ และสามารถรวมการขายในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ของ Shopee ได้
- มีโอกาสทำโปรโมชันร่วมกับ Shopee ช่วงเทศกาลและแคมเปญพิเศษ
3. Wongnai Merchant App
แพลตฟอร์ม Wongnai Merchant App สามารถเชื่อมโยงการสั่งอาหารและการจัดการร้านค้าได้สะดวก ซึ่งการสมัครเข้าร่วมก็มีขั้นตอนดังนี้:
- ขั้นตอนการสมัคร
- เปิดร้านเดลิเวอรีบน LINE MAN ด้วย Wongnai Merchant App แค่ 5 ขั้นตอน
- ลงทะเบียนโดยกรอกข้อมูลร้าน เช่น ชื่อร้าน ที่อยู่ และประเภทของอาหารที่ขาย
- อัพโหลดเอกสารประกอบ เช่น ใบทะเบียนพาณิชย์และบัตรประชาชน
- เมื่อได้รับการอนุมัติจากทีมงาน Wongnai ร้านค้าจะสามารถเริ่มรับออร์เดอร์จากลูกค้าได้ทันที
- ข้อดีของ Wongnai Merchant App
- แอปมีฟีเจอร์การจัดการร้านค้าที่ครบครัน เช่น การจัดการสต็อกและการรับออร์เดอร์
- เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ใช้ Wongnai เป็นประจำในการค้นหาข้อมูลร้านอาหาร
คลิกสมัคร https://www.wongnai.com/business-owners/how-to-signup-wongnai-merchant-app
4. foodpanda
foodpanda เป็นอีกแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้จำนวนมาก การเข้าร่วมสามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านอาหารได้อย่างรวดเร็ว
- ขั้นตอนการสมัคร
- เข้าไปที่เว็บไซต์ของ foodpanda https://partner.foodpanda.co.th/s/?language=th&countryIsoCode=TH
- กรอกข้อมูลร้าน เช่น ชื่อ ที่อยู่ ประเภทร้าน และข้อมูลการติดต่อ
- อัพโหลดเอกสารประกอบ เช่น บัตรประชาชนของผู้สมัครและใบทะเบียนพาณิชย์
- หลังจากนั้น ทีมงาน foodpanda จะติดต่อกลับเพื่อทำการตรวจสอบและอนุมัติ
- ข้อดีของ foodpanda
- ระบบการจัดส่งที่รวดเร็วและครอบคลุมทั่วพื้นที่
- มีกิจกรรมโปรโมชันและส่วนลดพิเศษที่สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ได้
5. Robinhood Partner
Robinhood Partner เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นสนับสนุนร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อย โดยไม่มีการหักค่าคอมมิชชั่นจากร้านอาหาร
- ขั้นตอนการสมัคร
- ไปที่ Robinhood Partner https://www.robinhood.co.th/th/food/merchant
- ลงทะเบียนบัญชีและกรอกข้อมูลร้าน เช่น ชื่อ ที่อยู่ และข้อมูลเกี่ยวกับเมนู
- อัพโหลดเอกสารประกอบ เช่น บัตรประชาชนและใบทะเบียนพาณิชย์
- หลังจากได้รับการอนุมัติ ร้านค้าสามารถเริ่มต้นขายอาหารผ่านแอปได้ทันที
- ข้อดีของ Robinhood Partner
- ไม่มีการหักค่าคอมมิชชั่น ทำให้ร้านค้ารับรายได้เต็มจำนวน
- มีการสนับสนุนร้านค้าขนาดเล็กให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้ง่ายขึ้น
สรุป
การสมัครเข้าร่วมแพลตฟอร์มเดลิเวอรีอาหารต่าง ๆ นั้นไม่ได้ยากและใช้เวลาไม่มาก หากเตรียมเอกสารครบถ้วน ร้านค้าก็จะสามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้รวดเร็ว การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับร้านก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การขายและการจัดการร้านสะดวกยิ่งขึ้น อย่าลืมศึกษาข้อมูลเงื่อนไขการให้บริการและโปรโมชั่นของแต่ละแพลตฟอร์มก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน